มหากาพย์ร้านทองแม่ตั๊กระอุ ลูกค้าจากทั่วทุกสารทิศแห่ขายทองคืนที่ร้านย่านหทัยราษฎร์แน่นขนัด ถึงขนาดต้องกางเต็นท์และออกบัตรคิวรับซื้อทองคืน หนุ่มหัวร้อนหอบของแถมโยนทิ้งหน้าร้าน ฉุนเอาทองของแถมไปขายร้านทองอื่นไม่รับซื้อ แฉไม่มีเปอร์เซ็นต์ทอง ด้านสถาบันอัญมณีฯโชว์ผลตรวจสอบทองแล้ว ตรวจ 3 รายการพบไม่ใช่ทองแท้ 2 รายการ เป็นทองแท้แค่รายการเดียว ผู้การ ปคบ. เผยรอผลตรวจสอบทองร้านแม่ตั๊กอย่างเป็นทางการจาก สคบ. อาจพบความผิดหลายข้อหา ด้านผู้เสียหายจำนวนมากนัดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ 26 ก.ย.นี้ สั่งพนักงานสอบสวนเตรียมรับมือแล้ว
กรณีผู้เสียหายออกมาแฉซื้อทองทางออนไลน์ จาก น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก อายุ 36 ปี เจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เมื่อนำดอกไม้ทองคำของแถมไปขายให้ร้านทองอื่น ปรากฏว่าไม่รับซื้ออ้างไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองและไม่มียี่ห้อ ทำให้ลูกค้าหลายคนเริ่มสงสัยว่า ทองที่ซื้อไปมีเปอร์เซ็นต์ทองสูงตามมาตรฐานหรือไม่ เบื้องต้น น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาตรวจสอบคุณภาพทองแล้ว
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้างเพชรทองเคทูเอ็น หรือร้านทองแม่ตั๊ก เลขที่ 717/112 ถนนหทัยราษฎร์ใกล้ซอย 33 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ของ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก อายุ 36 ปี นักธุรกิจค้าของออนไลน์ชื่อดัง และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ สามี มีลูกค้าจำนวนมากจากทุกสารทิศหอบหิ้วทองปี่เซียะและของแถมมาขายคืนเป็นวันที่ 2 ทำให้อาคารพาณิชย์ 5 ชั้น 5 คูหาคับแคบไปถนัดใจ รถติดยาว 500 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ ต้องมาคอยอำนวยความสะดวกแจกบัตรคิว นอกจากนี้ ทางร้านต้องนําเต็นท์ผ้าใบมาตั้งหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้านั่งรอ หลังจากเมื่อวาน (24 ก.ย.) มีลูกค้าแห่หอบทองมาขายคืนจนทะลุ 200 คิว เบื้องต้นตั้งเป้าเพิ่มเป็น 300 คิว คาดว่าสามารถจะเคลียร์ลูกค้าแล้วเสร็จประมาณ 19.00 น.
นายสิทธิศักดิ์ สุขบุญ หรือแบงค์ อายุ 37 ปี ลูกค้า กล่าวว่า วันนี้ลางานเดินทางมาจากบ้านย่านพระราม 4 ต่อคิวตั้งแต่เวลา 09.00 น. เพื่อนำของแถมที่ได้จากการซื้อสร้อยข้อมือปี่เซียะมาคืน แม่ของตนซื้อสร้อยข้อมือทองคำปี่เซียะไป 1 ชิ้น ราคาเกือบ 4 หมื่น เมื่อปี 64 หวังว่าจะเก็บไว้ให้ลูกหลานในอนาคต แต่ระหว่างที่แม่ใส่ในชีวิตประจำวัน ทำขาด พอรู้ข่าวเรื่องนี้โมโหและไม่พอใจอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าสร้อยข้อมือจะขาดแต่ถ้าเป็นทองคำมาตรฐานทั่วไปยังขายได้ตามราคาทอง วันนี้ไม่ได้นำสร้อยปี่เซียะ มาคืนเนื่องจากมันขาดแล้ว แต่ขอนำของแถมที่ได้ไป 10 กว่าชิ้นมาคืน
หลังให้สัมภาษณ์นายสิทธิศักดิ์นำของแถมไปโยนทิ้งไว้หน้าร้าน พร้อมพูดว่า ใครไม่มีของแถมก็ให้มาหยิบเอาไปได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้เจ้าของร้านทองโดนลงโทษอะไรหรือไม่ นายสิทธิศักดิ์ ระบุว่า อยากให้โดนเรื่องของฉ้อโกงประชาชน แต่ส่วนตัวยืนยันว่าจะไม่ฟ้องดำเนินคดีอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรม ก่อนเดินทางกลับบ้านย่านพระราม 4 โดยมีลูกค้าที่มารอคืนของและประชาชนบางส่วนหยิบของแถมกลับไป
ด้าน พ.ต.อ.ยิ่งยศ ฉลาดปรุ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ เดินทางมาตรวจสอบความเรียบร้อยพร้อมพูดคุยว่า เมื่อวานนี้มีประชาชนมารอคิวเพื่อคืนทองเป็นจำนวนมาก วันนี้ สน.นิมิตรใหม่ นำเต็นท์มากางบริเวณหน้าร้านเพื่อกันแดดและฝนให้ พร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจร เนื่องจากบางคนเดินทางมาค่อนข้างไกล ไม่ค่อยรู้เส้นทางและพื้นที่ ประกอบกับถนนหทัยราษฎร์มีเพียง 2 ช่องทางจึงอนุโลมให้จอดรถ 1 ช่องทาง ส่วนเรื่องแจ้งความประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งความได้ทุก สน. เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นการซื้อขายทองคำผ่านออนไลน์ แต่ที่ สน.นิมิตรใหม่ ยังไม่มีรายงานการแจ้งความ
ที่ บก.ปคม. เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. เผยว่า ตำรวจ ปคบ. ประสานกับ สคบ.นำทองจากร้านค้าดังกล่าวมาตรวจสอบเพื่อเก็บข้อมูล เนื่องจาก สคบ.มีหน้าที่ดูแลผู้บริโภคในเรื่องทางแพ่ง รวมถึงข้อมูลเพื่อมาตรวจสอบถึงประเด็นต่างๆที่กำลังโต้แย้งกันอยู่ กำลังรอผลตรวจจาก สคบ. ส่วนการไลฟ์สดแล้วบอกว่าทองแท้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ อาจเข้าข่ายหลายความผิด อาทิ ฉ้อโกง ขายสินค้าไม่มีคุณภาพ ตั้งราคาเกินจริง และโฆษณาทำให้หลงเชื่อในเรื่องของคุณภาพ และแหล่งที่มาตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และอาจเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ
พล.ต.ต.วิทยากล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์กับ บก.ปคบ. แต่ทราบว่าจะมีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) เวลา 10.00 น. สั่งการ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ.จัดพนักงานสอบสวนไว้แล้ว ฝากประชาสัมพันธ์ว่าการซื้อทองอยากให้ซื้อจากหน้าร้านที่มีความน่าเชื่อถือ บอกราคามีที่ตั้งชัดเจน ส่วนร้านออนไลน์ขอให้ใช้ดุลพินิจมากขึ้นในการซื้อ เพราะร้านที่มีที่ตั้งชัดเจนจะสะดวกในเวลาซื้อและขายคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ตรวจสอบทองคำที่รายการโหนกระแสส่งมาให้ตรวจสอบจำนวน 3 รายการ และได้ส่งผลการตรวจสอบกลับคืนไปให้แล้วพบว่า ทองลูกปัดในกำไลข้อมือปี่เซียะมีทองคำอยู่เพียง 71.38 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสร้อยทองของแถมมีทองคำ 92.08 เปอร์เซ็นต์ และชิ้นส่วนเครื่องประดับมีทองคำ 99.83 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์ทองไม่ถึง 92.50 เปอร์เซ็นต์ เป็นทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ถือว่าเป็นทองคำแท้ ส่วนที่เกิน 92.50 เปอร์เซ็นต์ถือเป็นทองคำแท้ ทั้งนี้ GIT เป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐานในการตรวจสอบอัญมณีและโลหะมีค่า มีเครื่องมือตรวจสอบที่ทันสมัย และเชื่อถือได้ ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี (สคช.) ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ต้องไปดูกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค อย่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 47 บัญญัติไว้น่าสนใจว่า ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกระทำผิดซ้ำอีก ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“มาตรา 52 บัญญัติไว้อีกว่า ผู้ใดขายสินค้าที่ควบคุมฉลากตามมาตรา 30 โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลาก แต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง หรือขายสินค้าที่มีฉลากที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากสั่งเลิกใช้ตามมาตรา 33 โดยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือผู้สั่ง หรือนำเข้ามาในราช อาณาจักรเพื่อขาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าการโฆษณาขายสินค้า อย่างประเด็นที่เป็นข่าวคือ ทองคำการสื่อสารต้องทองคำผสมอะไร น้ำหนักเท่าไหร่ ซื้อไปเเล้วสามารถนำไปขายได้ในร้านทองทั่วไปหรือไม่ เรื่องนี้ถ้าสื่อสารชัดเจนปัญหาจะไม่เกิดขึ้น” นายโกศลวัฒน์กล่าว
อธิบดีอัยการ สคช.กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องคดีความการไลฟ์สดขายทองที่เป็นข่าว ถ้าผู้ขายไม่บอกราคาชัดเจน เเล้วคลิปไลฟ์สดถูกเซฟไว้ อันนี้เป็นพยานหลักฐานดำเนินคดีได้ ส่วนที่ผู้ขายประกาศว่า ผู้ซื้อไปสามารถนำมาขายคืนได้ในราคาซื้อ อาจถือได้ว่าเป็นการบรรเทาผลร้ายโดยการรับซื้อคืน เเต่กระบวนการมันดำเนินไปเเล้ว ส่วนความผิดถ้าไม่มีผู้เสียหายเเจ้งความอาจไม่เป็นไรเพราะรับซื้อคืน เเต่ถ้ามีคนเเจ้งความ พนักงานสอบสวนต้องสอบสวนดูว่า การไลฟ์สดขายปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าพบว่ามี อาจเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกง หรืออาจถึงขั้นข้อหาฉ้อโกงประชาชน เพราะไลฟ์สดไปสู่ประชาชนขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เสียหาย อีกข้อหาคือความผิดเกี่ยวกับการค้าเป็นความผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนหาความจริงว่า ปิดบังข้อมูลอันสำคัญในการขายเเละดำเนินการตามกฎหมาย
“ส่วนประเด็นผู้บริโภคออกมาร้องเรียนว่าเป็นทองปลอมด้วยความเข้าใจผิด เเละมีข่าวว่าจะมีการฟ้องร้องเอาผิดผู้บริโภค ถ้าจะฟ้องคงเป็นข้อหาหมิ่นประมาทฯ เเต่การที่จะฟ้องผู้บริโภคนั้นผู้ขายควรต้องไปดูด้วยหรือไม่ว่าตอนไลฟ์สดขายทองพูดอะไรออกมาบ้าง ทำถูกต้องตามกฎหมายครบถ้วนหรือไม่ ถ้าผู้บริโภคถูกฟ้องหมิ่นประมาทฯ เขาสามารถสู้ได้หากเป็นการพูดอยู่ในกรอบข้อเท็จจริง เป็นการปกป้องส่วนได้เสียฐานะผู้เสียหาย แต่ต้องพึงระลึกไว้ว่า จะไปพูดใส่ความกันเกินจริงไม่ได้ ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นผู้เสียหายที่ซื้อสินค้าต้องระวังตัวเรื่องการวิจารณ์หรือพูดเพราะอาจถูกฟ้องร้องได้ สุดท้ายอยากฝากถึงพ่อค้าเเม่ค้า ถ้าไม่เข้าใจเรื่องไลฟ์สดขายสินค้าอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถโทร.ปรึกษาสายด่วนอัยการ สคช.โทร.1157 ได้ตลอด อัยการยินดีช่วย” นายโกศลวัฒน์กล่าว
โพสต์โดย : นายน้อย เมื่อ 26 ก.ย. 2567 15:47:24 น. อ่าน 7 ตอบ 0
ดูฟุตบอลออนไลน์