แมนซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์แชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน!บทสรุปพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/2024

สำหรับ ลิเวอร์พูล ซึ่งน่าเสียดายที่ฟอร์มหลุดในช่วงโค้งสุดท้ายทำให้ไม่ได้ลุ้นแชมป์ ลงสนามในแอนฟิลด์สำหรับแมตช์อำลา เจอร์เก้น คล็อปป์ และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นการเลี้ยงส่งให้ "บอส" พร้อมจบอันดับ 3 ได้กลับเข้าไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง 

ขณะที่ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ช่วงต้นฤดูกาลทำผลงานได้อย่างฮือฮารั้งจ่าฝูงหลายสัปดาห์ ทั้งๆที่เป็นการคุมทัพครั้งแรกของ อังเก้ ปอสเตโคกลู แต่น่าเสียดายที่ฟอร์มหลุดส่งผลให้พวกเขาทำได้เพียงแค่อันดับ 5 แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นการกลับคืนวงการฟุตบอลถ้วยยุโรป จากการได้สิทธิ์ไปเล่นศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก 

ด้านสโมสรที่ทุ่มเงินมหาศาลในการสร้างทีมอย่าง เชลซี ที่ฟอร์มน่าผิดหวังอย่างมากแม้จะได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้ามากุมบังเหียน แต่ค่อยๆ ทำผลงานกระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงท้ายซีซั่นทำให้พวกเขาแซงขึ้นมารั้งอันดับ 6 และได้ตั๋วไปเล่นศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก แต่ถ้า แมนซิตี้ ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ บุญจะหล่นทับให้ไปเล่นในยูโรปา ลีก แทน 

สำหรับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่เซอร์ไพรส์จบท็อปโฟร์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่สำหรับฤดูกาลนี้ทำผลงานตกฮวบฮาบจบเพียงอันดับ 7 และต้องภาวนาให้ แมนซิตี้ คว่ำ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมเอฟเอ คัพ นัดชิง เพื่อจะได้โควตาไปเล่น ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก

ที่น่าผิดหวังคงหนีไม่พ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เนื่องจากพวกเขาทำผลงานได้อย่างสุดยอดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาภายใต้การกุมบังเหียนของ เอริค เทน ฮาก ซึ่งจบอันดับ 3 ในตารางลีก แต่ผลงานในฤดูกาลนี้ย่ำแย่จนน่าใจหายโดยจบอันดับ 8 และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ที่ต้องปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสนามเวมบลีย์ วันเสาร์ที่ 25 พ.ค.นี้ให้ได้ เพื่อโอกาสในการคว้าโควตาไปลุยศึกยูโรปา ลีก 

ในส่วนของทีมที่ได้เลื่อนชั้นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กลับมาสร้างความสดใสให้กับแฟนบอลอีกครั้ง เมื่อผงาดคืนสู่ศึกพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จหลังตกชั้นเพียงแค่ซีซั่นเดียว พร้อมพ่วงด้วยดีกรีการเป็นแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ตามด้วย อิปสวิช ทาวน์ ขณะที่โควตาสุดท้ายต้องลุ้นกันระหว่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด หรือ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ต้องวัดกันในเกมนัดชิงเพลย์ออฟ วันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค.นี้