ช่วงนี้เราจะเห็นกระแสร้านค้าใหญ่ ๆ เลิกและงดให้ถุงพลาสติกไม่ว่าจะเป็นห้างฯ ซุปเปอร์มาร์เก็ตและอีกหลายที่ ที่เห็นเป็นข่าวแบรนด์เสื้อผ้าดังและล่าสุดกับการประกาศของ 7-11 ที่จะยกเลิกในปี 2020 กล่าวคือ ปีหน้านี้เอง ซึ่งจะมีการทดลองในช่วงปลายปีนี้
ไม่นานมานี้พี่ท่านหนึ่ง ได้โพสต์ถุงกระดาษที่เป็นถุงกล้วยแขกแล้วเขียนคำบรรยายใต้รูปนั้นว่า เคยพับขาย ผมก็ไปตอบว่า เคยเช่นกัน เคยพับขาย และนึกย้อนไปอีกว่าสมัยก่อนร้านค้าจะให้ถุงกระดาษที่เราเรียกกันว่าถุงโชคดี โดยจะมีข้อความว่าโชคดีประกอบกับดารา หรือรูปเหมือนดารา แฟชั่น หรืออื่น ๆ บางแบบอีกด้านมีตารางสี่เหลี่ยมใช้สำหรับเล่นหมากฮอสได้ บางทีก็เป็นเกมส์งูตกบันได (ที่ทุกวันนี้บางคนอาจไม่รู้จัก) บ้างก็ไม่ได้เขียนโชคดี แต่เขียนว่า สวัสดี แต่ที่นิยมกว่าน่าจะเป็นคำว่าโชคดี เพราะหลัง ๆ เราก็จะพูดถึงกันในชื่อว่า “ถุงโชคดี”
เชื่อว่าประเด็นหนึ่งคือ ในสมัยก่อนนั้นถุงกระดาษต่าง ๆ น่าจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าถุงพลาสติก ในยุคที่แรงงานถูกกว่าเครื่องจักร โรงงานคือศูนย์รวม “คน” มากกว่า “เครื่องจักร” ในการทำงาน การพับถุงนั้นก็ไม่ได้ยากอะไรสำหรับฝีมือแรงงาน หรือถ้ามีเครื่องจักร การออกแบบ ก็ไม่น่าจะซับซ้อนนัก แต่พลาสติกในทางวิศวกรรมยุคนั้นอาจยุ่งยาก เครื่องจักรย่อมแพงมาก รวมถึงต้นทุนเม็ดพลาสติกอาจยังสูงอยู่
ของเล่น ยังทำจากสังกะสี ไม้ เหล็ก ของใช้ อีกหลายอย่างก็เช่นกัน นัยหนึ่ง อาจด้วยเพราะ พลาสติกน่าจะถือว่าเป็นนวัตกรรมในสมัยนั้น อะไรที่มาใหม่ก็ย่อมแพง..
วันเวลาผ่านไปก็เป็นอย่างที่เห็น สิ่งของต่าง ๆ ล้วนทำจากพลาสติก ไม่ก็มีพลาสติกเป็นส่วนประกอบ ถุงพลาสติกใช้กันอย่างเกลือนกลาด แม้ปัจจุบันจะมีการระลึกรู้แล้วว่า เป็นสิ่งที่สร้างมลพิษให้กับโลก (ที่จะว่าไปพลาสติกมีหลายเกรด) แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจการลดต้นทุนยังคงสำคัญกว่า ใครถ้าใช้ถุงกระดาษก็จะเสียเปรียบด้านราคาคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าผู้บริโภคก็มีส่วนด้วยความเคยชิน ซึ่งบางทีมันก็ไม่ใช่ มันน่าจะเรียกว่าความจำเป็น
ณ ปัจจุบัน กระแสอนุรักษ์แรงพอที่จะให้ห้างร้านต่าง ๆ เริ่มรณรงค์ งดแจกถุง ผู้คนส่วนใหญ่ ต้องยอมรับ Tops แถวบ้านผม มีทางเลือกให้คือใช้กล่อง(จากกล่องสินค้าเก่า) สำหรับใส่ของ Gourmet Market ไม่แจกเป็นบางวันแล้ว แม้ 7-11 ยังแจกอยู่ แต่.. Makro ไม่มีมานานแล้ว..
งดใช้ถุงพลาสติก แล้วถุงอื่นละ?
กระแสนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องการงดใช้ถุงพลาสติก ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรในเชิงอนุรักษ์ แต่..การเลือก “ไม่ให้ถุงอะไรเลย” นี้ประโยชน์แรกตกที่ใคร? ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า การให้หิวถุงผ้า กระเป๋า เพื่อจงใจไปซื้อของนั้น เป็นเรื่องทำได้ ทว่า หลายคนอาจซื้อของน้อยชิ้น แม้ผมปกติเป็นมนุษย์ซื้อของมีแบบแผน ซื้อทีหนึ่ง หลายชิ้น หลายอย่าง เพราะคิดว่าการต้องไปซื้อบ่อย ๆ เปลืองเวลา ต้นทุนค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ถ้าเป็นแบบผม ต้องหอบหิ้วถุงผ้ากี่ใบ เดินไปเดินมา ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้ไปซื้อของเพียง เรื่องเดียว อาจไปทานข้าวด้วย หรือไปดูสินค้าอื่นที่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า คุณ ก็ต้องหิ้วถุงผ้าเหล่านั้นของคุณไป ยิ่งถ้าคุณมีลูกเล็ก ๆ ด้วยละก็.. คิดดูนะครับ ถ้าคุณต้องพกถุงผ้าทีละ 4-5 ใบ..
แล้วในกรณีที่ ซื้อโดยไม่ได้วางแผนล่ะ?
หลายครั้ง เราก็ไม่ตั้งใจที่จะซื้อของ ว่ากันตามตรง ผมไม่ได้เดือดร้อนอันใดกับห้างฯ ร้านใหญ่ ๆ เพราะปัจจุบันก็คล้ายไปซื้อของ Makro (ค่อนข้างซื้อประจำ) คือ ซื้อแล้วก็ใส่รถเข็น แล้วก็เอาไปใส่ท้ายรถ แต่คนทั่วไป ที่ไม่มีรถยนต์ หรือ ต้องโดยสารรถประจำทางล่ะ? ดีว่าผมอยู่ต่างจังหวัดด้วย การใช้ชีวิตใน กทม. อาจกลายเป็นว่า คนจะอยากใช้รถส่วนตัวไปซื้อของมากขึ้น รถติด มลพิษเพิ่ม?
ผมไม่ได้กำลังบอกว่า ไม่ควรเลิกแจกถุงพลาสติก แต่แปลก ผมเองได้ซื้อถุงพลาสติกชนิดหนึ่งมาใช้ เพื่อแจกของในการทำกิจกรรม ข้างถุงเขียนว่า “สามารถย่อยสลายได้” ผมจึงเลือกซื้อถุงนี้มา
รวมถึงย้อนมองไป เลิกถุงพลาสติก ทำไมไม่แจกถุงกระดาษ (ก็ยังดี) คิดอีกทีก็พบว่า นี่มันเพิ่มต้นทุนกว่าพลาสติก และไอถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้ ก็คล้ายว่าจะแพงกว่า…
โพสต์โดย : solo เมื่อ 18 พ.ค. 2567 17:21:09 น. อ่าน 26 ตอบ 0